บทความนี้ เรามาดูกันซิว่า “สติปัฏฐาน 4”
ของหลวงพ่อเทียนเป็นอย่างไรบ้าง แตกต่างไปจากสติปักฐาน 4 ของพระพม่ามากน้อยขนาดไหน
อย่างไร
หนังสือ “ทำพระนิพพานให้แจ้ง” ของหลวงพ่อเทียน หน้าที่ 15 มีข้อความที่เน้นตัวหนาสีดำไว้ว่า
อันคำพูดนั้น ร้อยคำ พันคำ หมื่นคำ แสนคำก็ตาม
สู้การกระทำให้เห็นแจ้งครั้งเดียวไม่ได้
สู้การกระทำให้เห็นแจ้งครั้งเดียวไม่ได้
เมื่อการกระทำเห็นแจ้งครั้งเดียวแล้ว
มันซาบซึ้งตรึงใจอยู่กับสิ่งเหล่านั้น สิ่งเหล่านั้นจึงว่ามีอยู่ในนั้น
แต่ไม่เอาสิ่งนั้น เข้ามาใช้เท่านั้นเอง
|
ข้อความในส่วนนี้ หลวงพ่อเทียนก็ “เน้น”
อย่างที่เคยเน้นมามาแล้วคือ ท่านไม่เชื่อเรื่องตำรา หรือปริยัติ ท่านเชื่อเฉพาะการปฏิบัติที่ว่า “รู้สึกตัว” ตลอดเวลา
ท่านเห็นว่า ตำราหรือปริยัติทั้งหลายนั้น ไม่ว่าจะเป็นกี่คำก็ตาม “สู้การกระทำให้เห็นแจ้งครั้งเดียวไม่ได้ ”
ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น อย่างน้อย 2 ปัญหาต้องเกิดขึ้นแน่คือ
1) ท่านไม่เชื่อระบบ “ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ” ของพระพุทธเจ้า
2) เมื่อไม่เชื่อปริยัติ
ท่านจะเอาความรู้ที่ไหนเป็นแนวทางในการปฏิบัติ
ข้อให้อ่าน หนังสือ “ทำพระนิพพานให้แจ้ง” ของหลวงพ่อเทียน หน้าที่
16-17 อย่างตั้งใจสักเล็กน้อย
หลวงพ่อเทียนกล่าวว่า “หลุดไปตามจังหวะของมัน”
ตรงนี้ ถ้าว่ากันตามมาตรฐานของพุทธเถรวาททั่วๆ ก็น่าจะหมายถึง “กิเลส”
แต่หลวงพ่อเทียนไม่ได้หมายถึงกิเลส แต่เพียงอย่างเดียว ท่านเน้นถึง “ความไม่รู้” มากกว่า
1) หลุดเรื่องรูปนาม
2) หลุดเรื่อง โทสะ โมหะ โลภะ
3) หลุดเรื่อง ความยึดมั่นถือมั่น
4) หลุดเรื่องความยึดติดเกี่ยวกับศีล
5) สงบจากความหลุดพ้น
สงบจากการไม่รู้
ข้อ 5 นี่แหละน่ากลัวมาก
ถ้าหลวงพ่อเทียนหมายถึงว่า เป็นการเข้านิพพานแล้วละก้อ ฉิบหายวายป่วงกันเลยทีเดียว
เพราะ ไม่ใช่นิพพานของพระพุทธเจ้าของเราแน่ๆ
ขอย้ำก่อนว่า หลวงพ่อเทียนได้วิธีการปฏิบัติแบบนี้มาจากพระพม่า คือ ไปเห็น “ติง-นิ่ง”
มา
หลวงพ่อเทียนก็มาพัฒนาสมาธิแบบเคลื่อนไหวของท่าน
พระพม่านั้น อะไรๆ ก็ “สติปัฏฐานสูตร” ดังนั้น
ไม่ว่าจะปฏิบัติธรรมกันไปเป็นอสงไขยชาติ ก็ไปนิพพานไม่ได้ เพราะ “สติปัฏฐานสูตร”
กำจัดกิเลสได้คร่าวๆ เท่านั้น เฉพาะกิเลสหยาบด้วย
จำพวกอนุสัย อาสวะ ทำอะไรไม่ได้เลย
หลวงพ่อเทียนไปพัฒนาสติปัฏฐานสูตรของพม่าให้เหลือน้อยลงอีก คือ
เหลือเพียงการเคลื่อนไหวแบบที่ท่านสอน
ดังนั้น
การปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จึงไม่สามารถกำจัดกิเลส กับสังโยชน์ได้ บุญบารมีที่จะได้กัน ก็น้อยมาก
สำหรับสติปัฏฐานของหลวงพ่อเทียนก็ดูที่ผมเน้นโดยการระบายสีฟ้าไว้
ไม่ต้องเป็นคนในสายปฏิบัติธรรมอื่นๆ หรอก แม้กระทั่ง สาวกพระพม่าด้วยกัน
ก็รับสติปัฏฐานแบบของหลวงพ่อเทียนไม่ได้